สวัสดีครับ ตอนนี้ก็จะจบลงไปอีกปีแล้ว
ทำไมรู้สึกเหมือนช่วงหลัง ๆ เราไม่ค่อยจะได้เข้ามาอัพเดทบล็อกเท่าไหร่เลย (ฮา)
เอาล่ะ ตอนนี้ยังไงก็ขอเขียนรีวิวสำหรับปีนี้ก่อน เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันปีนี้
สำหรับเรา ปีนี้เป็นปีที่รู้สึกว่ามีอะไรให้ตื่นเต้นและหดหู่อยู่เป็นช่วง ๆ
จะเรียกว่าเป็นปีแห่งการลาจากและการเริ่มต้นใหม่สำหรับเราก็ว่าได้
ถ้าเป็นในปีก่อน ๆ เราจะรีวิวแต่ละปีโดยใช้เป้าหมายที่เราตั้งในปีนั้น ๆ มาคุยกันว่าอันไหนสำเร็จ อันไหนไม่สำเร็จบ้าง แล้วค่อยสรุปภาพรวมทั้งปีอีกที แต่ปีนี้เราขอเปลี่ยนบ้าง (จะเปลี่ยนอะไรกันนักหนาวะ)
ปีนี้เราอยากสรุปภาพรวมของทั้งปีเป็นแต่ละหัวข้อ ก่อนที่จะลงไปสำรวจว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีนั้นมีอะไรสำเร็จหรือล้มเหลวบ้าง
เรื่องงาน (หลัก)
ปีนี้เป็นปีที่เราไม่ค่อย happy เท่าไหร่ในเรื่องงาน ทั้งเรื่องที่เจอเพื่อนร่วมงานเห็นแก่ตัวในแบบที่ไม่ค่อยโอเค อย่างที่เราเคยบ่นไปบ้างใน ‘เมื่อเพื่อนร่วมงานผมเป็นพวกยัคไค’ ซึ่งเอาตรง ๆ คือมันทำให้สุขภาพจิตเราเสียไปพักใหญ่ ๆ เลย ตอนนั้นก็เริ่มมีคิดนะว่าหรือเราควรจะลองกลับไปหาจิตแพทย์ดูอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทนกัดฟันจนถึงวันที่เราลาออกได้ พูดถึงเรื่องลาออก
เอาจริง ๆ ตอนแรกเรายังคิดว่าจะลาออกในแบบวินาทีสุดท้ายก่อนเปิดเทอมหรือไม่ก็เรียนไปทำงานไปก่อนสักเดือนดูว่าไหวมั้ย เพราะตอนนั้นประเมินดูแล้วยังไงภายในเดือนแรกก็ไม่น่าจะได้เข้าประเทศแน่ ๆ แต่พอเจอเพื่อนร่วมงานแบบนั้นก็เลยแบบขอบายเลยก็แล้วกัน ไม่เอาแล้ว เลยตัดสินใจขยับวันที่จะลาออกเลื่อนขึ้นมาให้เร็วกว่าเดิม 1 เดือน บวกกับเอาวันลาที่เหลือทั้งหมดทุ่มลาทิ้งในเดือนสุดท้ายไปเลย
ต้องอธิบายอย่างนี้ก่อน คือสำหรับหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับภาครัฐ (ถึงแม้ว่าจะเป็นองค์กรณ์อิสระที่ไม่ใช่ราชการก็ตาม) ในวันลาจะไม่สามารถเซ็นเอกสารหรือเดินธุรกรรมอะไรใด ๆ ได้ ถึงแม้ว่าความจริงเจ้าตัวจะมาทำงานในวันนั้นก็ตาม สาเหตุที่เราทำแบบนี้ก็เพราะวันจบโครงการของคนที่ทำสุขภาพจิตเราเสียมันอยู่ในช่วงวันที่เราลาพอดี ดังนั้นเราจะไม่สามารถเซ็นตรวจรับงานได้ (สบายใจละ ชั้นไม่รู้ ชั้นไม่เห็น) ก็ถือว่าเป็นการตัดปัญหาไปอย่าง เพราะคือมองดูยังไงงานมันก็น่าจะมีปัญหาตามมาทีหลังแน่ ๆ ซึ่งเราก็ขี้เกียจต้องมาคอยตามล้างตามเช็ดให้กับความงี่เง่าของอีกฝ่าย (เตือนอะไรไปก็ไม่เคยจะฟัง) ตอนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในญี่ปุ่น เพราะงั้นลาขาด
แต่เอาจริง ๆ ก็ยังอยากกลับไปทำงานที่เดิมอยู่นะ คือเราค่อนข้างชอบบรรยากาศการทำงานและความเป็นกันเองความช่วยเหลือเกื้อกูลกันของพี่ ๆ ในฝ่าย สารภาพว่าตอนนี้คือจัดไว้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่จะสมัครถ้าสมมติว่าเราตัดสินใจกลับมาไทยหลังเรียนจบ
เรื่องงาน (ส่วนตัว)
ในส่วนของงานส่วนตัวที่นอกเหนือจากงานหลักนั้นตอนนี้เราเหลืออยู่หลัก ๆ ที่ยัง Active อยู่ทั้งหมด 3 อย่างด้วยกัน คือ Podcast, Blog กับ Streaming หลังจากที่สอบติดป.โท เราก็ตัดสินใจที่จะ Re-brand Podcast ของเราใหม่จาก Chase after the dream Podcast เป็น Moonoi Story Podcast เนื่องจากเราไม่มีความฝันให้ไล่ตามแล้ว เพราะทำความฝันให้เป็นความจริงแล้วยังไงล่ะ (ฮา)
ซึ่งจากเดิมที่ตั้งใจจะออกตอนใหม่ทุกวันจันทร์ แต่ก็โดนการบ้านและงานวิจัยโจมตีใส่จนออกบ้างหยุดบ้างสลับกันไปมาเรื่อย ๆ ตอนนี้เองก็มีถึงตอนที่ 14 กันแล้ว ยังไงก็ขอฝากเอาไว้ด้วยนะครับ
เรื่อง Blog เองก็เหมือนกัน ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะอัพเดทให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 2 บทความ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากงานที่ถาโถมเข้ามาเช่นกัน เอาเป็นว่าเราจะพยายามใหม่ในปีหน้านะ
ส่วน Streaming อันนี้เป็นโปรเจคที่เราเพิ่งจะเริ่มทำได้ไม่นาน ซึ่งก็จะมีรายการ ASMR ทุกคืนวันจันทร์ตอนเที่ยงคืนตามเวลาญี่ปุ่น (4 ทุ่มตามเวลาไทย) วันอื่น ๆ ก็มีเล่นเกมบ้างเป็นครั้งคราวไป เวลาไม่ค่อจะแน่นอนเท่าไหร่
เรื่องเงิน
ปีนี้เป็นปีแรกที่เรากลับมาเทรด crypto currency อีกครั้ง หลังจากที่หยุดไป รวมถึงได้เปิดพอร์ทหุ้นเป็นของตัวเองเสียที (เย้) หลังจากที่ได้รับการปลดล็อก (ลาออกจากที่ทำงานเดิม) ข้อจำกัดต่าง ๆ ในด้านการลงทุน ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้นนอกจากการซื้อกองทุนเปิด เก็งกำไรไปวัน ๆ ก็ถือว่าได้ลองอะไรใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะอยู่ อย่างกรณีของ crypto currency ที่เราไม่ได้เทรดมานานหลายปี ก็รู้สึกว่าเทรนอะไรหลายอย่างมันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ มีเหรียญใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเห็นถูกปล่อยเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ถึงแม้ว่าในช่วงที่ไม่ได้เทรดเราจะยังติดตามศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่บ้างทั้งเรื่อง NFT และเรื่อง Defi แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นศึกษาก็ส่วนศึกษา ลงมือสร้างกับลงมือเทรดมันคนละเรื่องกัน เอาจริง ๆ เราก็อยากให้ทีมที่จะเอาหลักการ Defi หรือ Decentralize ไปพัฒนาใช้ในองค์กรณ์หรืออะไรก็ตามเนี่ย อยากให้ลงมาเป็นผู้เล่นดูซักครั้ง อาจจะไม่ต้องถึงขนาดเชี่ยวชาญหรือเล่นแบบหวือหวาอะไร แต่แค่อยากให้ลองมาสัมผัสการเป็น User ดูก่อนที่จะผันตัวไปเป็นผู้ออกแบบระบบให้ userใช้
พูดถึงเรื่อง crypto เยอะละ ตัดมาที่หุ้นกันบ้าง เอาจริง ๆ เราก็ถือว่ายังใหม่กับแวดวงนี้อยู่นะ ถึงแม้ว่าจะมีติดตามข่าวสารหรือทดลองเล่นในพอร์ดจำลองของห้องสินธรมาบ้างตั้งแต่สมัยมัธยม (สมัยนี้มันยังมีอยู่หรือเปล่าวะ) แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจะเชี่ยวชาญอะไรมากมายนัก เรียกว่าพอจะสามารถหาเงินค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ จากมันได้ก็แล้วกัน แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอามาใช้เป็นอาชีพหลักหรือทำ passive income ได้อ่านะ
เรื่องสุขภาพ
ปีนี้เราค่อนข้างที่จะพยายามดูแลตัวเองอยู่พอสมควร เนื่องด้วยปัจจัยต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของ COVID-19 ที่ต้องระมัดระวัง ไหนจะต้องคอยดูแลร่างกายตัวเองให้พร้อมตลอดเวลา เผื่อในกรณีที่ทางนายกคิชิดะไฟเขียวให้เข้าประเทศเมื่อไหร่จะได้พร้อมบินทันที
เกือบลืมไป จริง ๆ ปีนี้เรามีผ่าตัดใหญ่ครั้งหนึ่งตอนช่วงกลางปี คือการผ่าตัดทำเลสิกที่เราเคยเขียนรีวิวไปแล้วใน ‘บันทึกการทำเลสิกแบบ ReLEx SMILE’ นอกจากนั้นก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว
เรื่องการพัฒนาตนเอง
ในด้านการพัฒนาตนเองนี่นอกจากภาษาอังกฤษที่ดีขึ้นผิดหูผิดตาหลังจากที่เปิดเทอม เราก็แทบที่จะไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไรมากมายเลย (ฮา)
ในเรื่องภาษาอังกฤษกับเรื่องงานเขียนนี่เรารู้สึกว่าตัวเองพัฒนาไปเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงหลังจากเริ่มเรียน เพราะเราต้องเขียน Article ส่ง อยู่แทบจะทุกวัน แถมแต่ละฉบับก็ค่อนข้างยาวเสียด้วย เรียกได้ว่า สกิลภาษาอังกฤษโดยเพราะในด้าน Writing นี่น่าจะเรียกได้ว่ามีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้
เป้าหมายที่ผ่านมาในปี 2021
ตัดภาพมาที่เป้าหมายในปี 2021 ที่ผ่านมากันบ้างหลังจากที่เวิ่นเว้อไปเยอะพอสมควร (ฮา) เอาจริง ๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าเราไม่ค่อยจะสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแต่ละปีได้เลย มันจะต้องมีอะไรสักอย่างที่คอยมาขัดขวางกีดกันไม่ให้มันสำเร็จอยู่เสมอ เอาล่ะ เกริ่นมาพอสมควรละ ลองไปไล่ดูทีละหัวข้อกันเลยดีกว่าว่าอันไหนสำเร็จ อันไหนไม่สำเร็จบ้าง
เป้าหมายแรก สมัครเรียนต่อป.โทให้ได้
อันนี้คือ Complete มาก เพราะตอนนี้เราก็กำลังทนทุกข์ด้วยการเป็นนักศึกษาป.โทอยู่เลย ณ ตอนที่กำลังเขียน Blog นี้อยู่ (ฮา) คือกว่าจะได้เข้ามาเรียนมันเหนื่อยมากจริง ๆ นะ ไหนจะเรื่องการเตรียมตัวสอบเอาคะแนนต่าง ๆ เพื่อมายื่นสมัคร ไหนจะตอนสัมภาษณ์ที่กดดันมากเพราะไม่รู้ว่าเขาจะ happy กับคำตอบของเราหรือเปล่านะ
แต่ก็หารู้ไม่ว่าพอได้เข้ามาเป็นนักศีกษาป.โทจริง ๆ แล้วเนี่ยมันเหนื่อยกว่าตอนเตรียมตัวสอบเสียอีก (ร้องไห้) เอาจริง ๆ มันเหนื่อยมากนะ เหนื่อยจนแบบเราเคยคิดจะเลิกเรียนเพราะท้อมาก ๆ แต่ก็ถือว่าไหน ๆ ก็ได้เข้ามาเรียนแล้วเลยอยากจะลองสู้ดูสักครั้ง
เป้าหมายที่สอง ไปเที่ยวต่างประเทศ
อันนี้ทำไม่ได้จ้า (แง) อย่าว่าแต่เที่ยวต่างประเทศเลย จะเข้าญี่ปุ่นไปเรียนต่อยังทำไม่ได้เลยเนี่ย ตอนนี้ต้องเรียนออนไลน์กันไปก่อน แถมไม่รู้ว่าต้องทนแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
เป้าหมายที่สาม สอบเอาใบ certificate
อันนี้ก็ไม่สามารถทำได้อีกตามเคย เราตั้งเป้าหมายนี้มาสองปีแล้ว และก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จเลยซักปี หรือจริง ๆ แล้วเราควรย้อมแพ้หัวข้อนี้แล้วไปตั้งเป้าหมายอย่างอื่นที่มันพอจะสามารถทำได้จริงมากกว่าหรือเปล่านะ
เป้าหมายที่สี่ ลงเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบจริง ๆ จัง ๆ
จริง ๆ เป้าหมายนี้เกือบจะทำสำเร็จแล้วนะ เพราะที่มหาลัยมีเปิดให้ลงเรียนภาษาญี่ปุ่นสำหรับนักศึกษาต่างชาติ โดยเขาจะมีสอบวัดระดับความรู้ก่อน แล้วให้เข้าเรียนตามผลการสอบที่เราทำได้ แต่ด้วยความเบ๊อะบ๊ะของเราเองทำให้ดันวางแผนการเรียนเทอมนี้ผิดพลาดตารางเรียนภาษาญี่ปุ่นมันดันไปทับซ้อนกับวิชาเลือกที่เราเลือกลงไป ผลก็คือเราไม่สามารถที่จะลงทะเบียนวิชานี้ได้ (ร้องไห้)
เป้าหมายสุดท้าย อัพบล็อกให้ถี่ขึ้น
อันนี้เกือบสำเร็จแหละ เพราะปีนี้เราค่อนข้างอัพบล็อกสม่ำเสมอมาโดยตลอด จนมาตกม้าตายเอาตอนช่วงที่เปิดเทอมแล้วการบ้านถาโถมเข้ามาดุจดั่งคลื่นสึนามิที่ถล่มใส่ชายฝั่ง ก็เลยไม่ค่อยมีเวลามาอัพบล็อกเท่าไหร่ เดี๋ยวปีหน้าขอแก้ตัวใหม่ ตอนนี้เราเริ่มที่จะปรับตัวได้แล้ว คิดว่าน่าจะสามารถกลับมาอัพได้อย่างสม่ำเสมอแล้วแหละ
อา… หมดซักที
ดูเหมือนว่าเราจะทำเป้าหมายในปีนี้ให้สำเร็จได้แค่อย่างเดียวสินะ กับมีอันที่เกือบสำเร็จอีก 2 อย่าง และไม่สำเร็จโดยสิ้นเชิงอีก 2
จะว่าไงดี ค่อนข้างไม่ได้เรื่องเลยแฮะ หวังว่าปีหน้าเราจะสามารถทำได้ดีกว่านี้
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมฝ่าฟันผ่านปีนี้มาด้วยกัน ถือเป็นปีที่มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิตเรา และก็มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในประเทศนี้
สำหรับปีหน้าก็ขอฝากตัวด้วยครับ
ลงชื่อ: หมูน้อย