เราควรเริ่มยังไงดี (ฮา) จริง ๆ ก็ไม่ได้กะว่าจะเขียน content นี้แต่บางครั้งมันก็อดไม่ไหว ยิ่งเวลาที่มาเจอพวกยัคไคในชีวิตจริงที่ไม่ใช่ในงานไอดอลด้วยแล้วมันก็ชวนให้หงุดหงิดแบบแปลก ๆ
ยัคไค (厄介) คืออะไร
ถ้าอิงตาม Oxfort dictionary เค้าให้คำจำกัดความไว้ว่า《名ノナ》手数がかかって迷惑なこと。面倒なこと。แปลง่าย ๆ จะได้ว่ายัคไคคือสิ่งที่ยุ่งยากและน่ารำคาญ ทีนี้พอเอามาใช้กับคนแต่ละคนก็จะมีนิยามคำจำกัดความของตัวเองซึ่งสำหรับเรา เรานิยามคนกลุ่มนี้ว่าเป็นพวกตัวปัญหาหรือบุคคลที่ทำตัวน่ารำคาญ (ในหลาย ๆ ความหมาย)
ยกตัวอย่างเช่นคนที่ไม่มีความรู้หรือมี Know how ในด้านเทคโนโลยีเลยแต่มีความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่าการเขียนโปรแกรมเป็นเรื่องที่ง่ายและใช้เวลาไม่นานและด้วยความเข้าใจแบบผิด ๆ นั้นจึงพยายามเสนอเอาหน้าหรือใช้คำพูดแดกดันเพื่อก่อความรำคาญให้กับทีมพัฒนา แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็มักจะปัดความรับผิดชอบโดยอ้างว่าจนเองไม่มีความรู้
ควรรับมือกับอย่างไรเมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงานเป็นพวกยัคไค
สำหรับเราคือทำใจอย่างเดียวอ่ะ บางครั้งก็ต้องยอมรับว่าเราทำอะไรเขาไม่ได้ ยิ่งถ้าเขามีคนคอยส่งเสริมหรือเป็นกลุ่มคนที่มีความคิดและความประพฤติไปในทางเดียวกัน หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพวกยัคไคกันทั้งฝูงด้วยแล้วยิ่งทำอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อคนหนึ่งเริ่มทำตัวมีปัญหาคนที่เหลือก็จะเข้ามารับลูกต่ออย่างรวดเร็ว ยิ่งมีเรื่องด้วยยิ่งมีแต่เจ็บตัวหรืออาจทำให้คนรอบข้างเดือนร้อนตามไปด้วย เรียกได้ว่าอาจเป็นการนำภัยพิบัติมาสู่บ่อปลาอย่างแท้จริง
เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือการอดทนอดกลั้นแล้วก็ภาวนาว่าขออย่าให้ได้ร่วมงานกันอีกเลยจะเป็นการดีที่สุด หรือไม่อย่างนั้นก็อดกลั้นเอาไว้เพื่อรอเอาคืนในจังหวะที่อีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็ยังไม่สาย แต่ทางที่ดีที่สุดก็คืออดกลั้นไว้แล้วอย่าไปยุ่งให้มากความเสียจะประเสริฐกว่า
หากอยู่ในจุดที่ไม่สามารถหลีกหนีได้
ถ้ามาถึง ณ จุดนั้น ในความคิดของเราบางครั้งการถอยออกมาอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะเผชิญหน้าโดยตรง
โดยส่วนตัวเรามีความเชื่อว่าทุกปัญหาล้วนมีทางออก หากหาทางออกไม่เจอก็ไปออกทางเข้าก็ได้ บางครั้งหากอยู่ในจุดที่หลีกหนีเพื่อนร่วมงานยัคไคไม่พ้น อีกทั้งมีทีท่าว่าจะต้องร่วมงานกันอีกยาว เราว่าการมองหาลู่ทางใหม่ ๆ ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
อยู่ดี ๆ ทำไมถึงทำ content นี้ขึ้นมา
ถ้าถามว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงเขียน content นี้ขึ้นมาก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการที่เราต้องมาเจอเพื่อนร่วมงานประเภทนี้อีกแล้ว (ฮา) จริง ๆ เราก็เห็นแววมาตั้งแต่ตอนที่ร่วมงานกันในช่วงแรก ๆ แล้วแหละ ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ลางสังหรณ์เราไม่ถูกต้องแต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นไปตามที่เราคิดทุกประการ (ทำไมตอนซื้อหวยถึงไม่ถูกแบบนี้บ้างนะ) เรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่อยากจะร่วมงานมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ พูดเหมือนทุกสิ่งนั้นง่ายดายและใช้เวลาไม่นานทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ เลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับมีความมั่นใจ (แบบผิด ๆ) อยู่เต็มเปี่ยม
การที่ต้องมารับมือกับบุคคลเหล่านี้มันค่อนข้างใช้พลังมหาศาลอยู่เหมือนกันเพราะเมื่อจิตใจของมนุษย์เรานั้นเห็นแก่ตัวหรือบิดเบี้ยวไปจนถึงแก่นแท้ของจิตใต้สำนึก การที่เจ้าตัวจะไปเปลี่ยนหรือปรับปรุงอะไรก็นับว่าเป็นการยากพอดู