"Do you hear the people sing Lost in the valley of the night? It is the music of a people Who are climbing to the light" Les Misérables - Epilogue (Finale)
เราต้องยอมรับกันก่อนว่าปัจจุบันอำนาจของรัฐที่ควรจะมีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองประชาชน กลับกำลังถูกคนบางกลุ่มใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ คุกคามประชาชนกันอย่างเปิดเผยเพียงเพื่อแค่ต้องการจะรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มตน
ในฐานะที่คนที่ทำงานในองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐแล้ว สิ่งนี้คือความอัปยศอดสูที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
ภาพข่าวที่ออกมาจากสื่อหลากหลายช่องเองแสดงก็ให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ต่อกลุ่มคนที่ปราศจากอาวุธ
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่ใส่ ‘เสื้อสีเหลือง’ ที่คาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจบางกลุ่ม เนื่องจากได้รับการปฏิบัติและดูแลจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
เข้ามาใช้ความรุนแรงกับผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง โดยปราศจากการห้ามปรามและเข้าควบคุมของเจ้าหน้าที่ และจากภาพรวมถึงคลิปที่ถูกเผยแพร่นั้นทำให้เกิดข้อสงสัยกันออกมาเป็นกว้างว่าเจ้าหน้าที่นั้นอาจ ‘มีส่วนรู้เห็น’ กับการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าว
เห็นได้จากการที่มีภาพและคลิปวิดีโอที่สามารถระบุตัวตนของผู้ก่อเหตุอันเป็นหลักฐานที่ชัดแจ้งในการก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ถูกเผยแพร่ออกทางสื่อกระแสหลัก แต่กลับไม่มีใครถูกดำเนินคดีกับการกระทำดังกล่าว
หากแต่มีการเร่งดำเนินคดีกับ ‘เหยื่อ’ และกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างผิดวิสัย
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการใช้วิธีสลายการชุมนุมที่ขัดกับหลักปฏิบัติสากลอย่างอุกอาจและโจ่งแจ้ง ไม่มีการไล่ลำดับการปฏิบัติรับมือความรุนแรงอันเกิดจากการชุมนุมตามหลักมาตรฐานสากล
ทั้งหมดทั้งมวลที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการถูกเลือกปฏิบัติและความไม่เท่าเทียมที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า “ในเมื่อรู้ว่าจะมีความรุนแรง แล้วจะเข้าไปร่วมชุมนุมทำไม?” การที่จะถามสิ่งนี้ออกมาได้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ถามนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าความรุนแรงกำลังจะเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ปราศจากอาวุธ รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นการกลั่นแกล้งและอยุติธรรมเป็นที่สุด หากแต่ยังคงเลือกที่จะเพิกเฉยและตีตัวออกห่างประหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวจ้องกับตน แลรอเก็บเกี่ยวผลสำเร็จที่เกิดจึ้นไม่ว่าฝั่งใดฝั่งหนึ่งจะได้รับชัยชนะ
หากแต่เราควรมองย้อนกลับมาบ้างว่าในเมื่อรู้อยู่เต็มอกขนาดนั้นเหตใดจึงยังยอมเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เหตใดจึงไม่รู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ผิดปกติแลบิดเบี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
เหตุใดเราจึงอยู่ร่วมกับความผิดปกติเหล่านี้ประดุจมันคือสิ่งปกติ สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่พึงปฏิบัติ
นอกจากนี้ความเหลื่อมล้ำที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยไม่ได้จำกัดตัวอยู่แค่ในเรื่องของความคิดเห็นทางการเมืองเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความเชื่อด้านศาสนา เพศ เชื้อชาติและสีผิวซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและมักถูกมองข้ามในสังคมไทย
เมื่อออกมาเรียกร้องให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียวกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่สมควร
เช่นนั้นแล้วสิ่งใดกันคือสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมในประเทศที่กระบวนการยุติธรรมและผู้รักษากฏหมายกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามและผู้ที่เห็นต่างไปจากตน