ยิ่งเข้าใกล้สิ้นเดือนเท่าไหร่ ความ intense ในเนื้องานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นประหนึ่งมัดรวมงานทั้งปีมารวมไว้เพียง 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่ต่างกับรายการเรียลลิตี้ในสมัยก่อนอย่างอัจฉริยะข้ามคืน
ส่งผลให้ช่วงนี้เวลาว่างที่มีนั้นเริ่มเหือดหายและถูกเบียดเบียนอยู่บ่อยครั้ง ทำให้นอกจากจัดงานงานบ้านตามปกติแล้ว เราก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปไปทำอย่างอื่นมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอจะเจียดเวลาไปหาอะไรฟังเสริมความรู้แก้เบื่อก่อนนอนได้อยู่บ้าง
ต้องออกตัวก่อนว่าแต่เดิมเราเป็นคนที่ชอบเรื่องราวในประวัติศาสตร์และเทพปกรนัมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่าเราเองก็เป็นหนึ่งในคนหลายคนที่ตามเสพ content ของช่อง Farose แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสดูรายการ ‘สเน่ห์นางชี’ ที่ได้ออกอากาศไปเมื่อราว ๆ 2 ปีก่อน
ซึ่งเป็นรายการที่มาถกเกี่ยวกับพุทธศาสนาในแง่มุมอื่น ๆ
จะบอกว่าเป็นการที่เปิดโลกก็ไม่เชิงเพราะส่วนตัวเองเราก็ไม่ได้ยึดติดกับศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากได้มีโอกาสศึกษาศาสนาต่าง ๆ มากมายแบบใกล้ชิดตั้งแต่เด็กทำให้มุมมองของเราที่มีต่อศาสนามักจะมองเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถใช้สอยได้มากกว่าจะไว้ยึดเหนี่ยวจิดใจ
การที่รานการนี้นำเสนอเรื่องราวของพุทธศาสนาในเชิงของนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ รวมไปถึงการมองพระไตรปิฏกและพระสูตรต่าง ๆ ในมุมวรรณกรรมจึงดึงดูดความสนใจของเราได้มากพอควร
เพราะการมองในแง่มุมนั้นมันเป็นการมองอย่างเป็นกลางที่ก้าวข้ามเรื่องความเชื่อและความศักดิ์สิทธิ์ที่คนส่วนใหญ่มักยกมากล่าวอ้างเวลามีการพูดถึงเรื่องศาสนา รวมถึงการเสนอแง่มุมของศาสนาเปรียบเทียบ ทั้งกับศาสนาคริสต์ เชน รวมถึงเต๋าและขงจื้อ ก็เป็นเรื่องแปลกใหม่ที่น่าสนใจเช่นกัน
หากแต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนตัวรายการนั้นจะออนแอร์อยู่ได้แค่เพียง 6 ตอนเท่านั้นแล้วไม่ได้ทำต่อ คาดว่าคงเกิดจากการต่อต้านของ ‘กลุ่มคนผู้มีศิลธรรมอันดีงาม’ ที่มองว่าการตีความเชิงวิชาการหรือทางประวัติศาสตร์ได้ลดทอนความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาลง ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้าพอสมควร
กล่าวถึงเรื่องนี้เราเองก็เคยพูดคุยเล่นกับเพื่อนที่อยู่ในสาย Academic เหมือนกันว่าอยากลองตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับ ‘การสำเร็จความไคร่ทางศีลธรรมของคนไทย’ ที่สำรวจถึงกลุ่มคนที่ชอบอ้างศิลธรรมหรือนำประเพณีอันดีงามที่คนยึดถือและเชื่อมั่นว่าดีมาประนามและตีกรอบการกระทำของคนอื่นเพื่อแสดงออกว่าตนเองเป็นผู้สูงส่งและมีศีลธรรมอันดีงาม โดยที่การติเตียนนั้นมิได้เป็นการติเพื่อก่อ กล่าวคือถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้ยังประโยชน์ใดแก่สาธารณชนเลยแม้แต่น้อยนอกจากเป็นการทำไปเพื่อป่าวประกาศว่าตนเป็น ‘คนดี’
หากแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเราเองหรือเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้มีเวลามาลงมือเขียนงานวิจัยนี้แบบจริงจังเท่าไหร่นักจึงทำให้โครงการนี้ยังคงถูกเก็บไว้ในกรุอยู่เช่นเคย ก็ได้แต่คาดหวังว่าเมื่อเราหรือเพื่อนคนนั้นมีเวลาว่างมากขึ้นอาจจะได้หยิบประเด็นนี้ออกมาเขียนเป็นงานวิจัยได้ในภายหลัง