ไดอารี่

สอบติด ป.โท แล้วนะ

จริง ๆ เราว่าจะเขียนบอกทุกคนนานแล้วแต่มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามาวุ่นวายจนลืมไปเลย ตอนนี้เราสอบติด ป.โท แล้วนะ

ฮูเร่ !

หลังจากความพยายามและการเตรียมตัวมาร่วม ๆ สองปี (รวมถึงการสอบสัมภาษณ์ที่ชวนหดหู่) ตอนนี้ในที่สุดเรามีที่เรียนเสียทีแถมยังเป็นที่ญี่ปุ่นด้วยเรียกได้ว่าอยู่ ๆ ความปรารถนามากมายหลายข้อกำลังบรรลุผลพร้อม ๆ กัน อย่างไรอย่างนั้น

อย่างแรกคือการได้เรียนต่อปริญญาโท อย่างที่สองคือการออกไปจากประเทศนี้ และอย่างสุดท้ายคือการได้ไปลองใช้ชีวิตระยะยาวที่ญี่ปุ่น จะว่ายังไงดีล่ะ ตอนที่รู้ผลก็แอบตกใจเหมือนกันนะ ถึงกับอ่านทวนอีเมลอยู่สองสามรอบเพื่อความแน่ใจว่าเราไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง

สารภาพว่าในตอนแรกนั้นเราตัดใจเรื่องต่อ ป.โท ที่มหาลัยนี้แล้วเนื่องจากตอนสอบสัมภาษณ์เราทำออกมาได้ไม่ดีถึงกับวางแผนใหม่ระยะยาวว่าจะไปเรียนภาษาตอนเมษาปีหน้าที่เกียวโตสัก 1-2 ปี แล้วค่อยสอบเข้าเกียวได (มหาวิทยาลัยเกียวโต – 京都大学) หรือมหาลัยอื่น ๆ อีกที แต่ดูเหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างทำให้เราสอบติดโดชิฉะได (มหาวิทยาลัยโดชิฉะ – 同志社大学) ก่อน เลยไม่ต้องหยิบแผนสำรองขึ้นมาใช้งาน

แต่ก็นะ เราได้ข่าวมาว่าอิมเมจเด็กโดชิฉะไดคือพวกลูกคุณหนูคนมีเงินมาเรียน แล้วอีแบบนี้เราจะไม่เป็นแกะดำในฝูงแกะขาวตัวอ้วนเหรอ (ฮา) แค่คิดก็เหมือนจะได้ยินเสียงเพลงแกะดำของเคยากิลอยมาแต่ไกลละ ถามว่ามันเกี่ยวกับเพลงแกะดำตรงไหน ก็ไม่นะ ไม่เกี่ยวหรอก

โอเค เราจะพักเรื่องเพ้อเจ้อไว้แต่เพียงเท่านี้

สาขาที่เราไปเรียนคือ Global Business and Management Studies (GMBA) ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ ก็คือเทียบเท่ากับ MBA บ้านเรานี่แหละแต่ Business School ที่โดชิฉะสาขา GMBA เขาจะโฟกัสไปที่ 3 ด้านหลัก ๆ คือ Sustainability and Green Business, Culture and Creativity กับ Business in Asia ซึ่งอันนี้เราเพิ่งมารู้หลังจากสัมภาษณ์เสร็จสิ้นแล้ว (ฮา) แต่ก็นะ เราไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะยังไงความรู้ด้านนี้เราน้อยอยู่แล้ว ถือเสียว่าเข้าไปเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ให้มากที่สุดก็พอ

ถ้าถามว่า ณ ตอนนี้เรากังวลอะไรมากที่สุดกับการที่ต้องเตรียมตัวไปใช้ชีวิตที่นั่นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ สิ่งที่เรากังวลที่สุดก็คงจะเป็นในเรื่องของภาษา ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ

ด้วยความสัตย์จริงถึงแม้เราจะใช้ภาษาอังกฤษอยู่เรื่อย ๆ แต่เราไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าเราจะสามารถมีชีวิตรอดในการใช้ภาษาอังกฤษกับชีวิตการเรียนต่อป.โท ในส่วนของภาษาญี่ปุ่นนั้น ถึงเราจะดูซีรีย์ ดูรายการเกมโชว์ อ่านบล็อก เขียนจดหมายได้แต่ภาษาเราก็ไม่ได้แข็งพอที่จะสามารถดำเนินธุรกรรมที่นั่นได้ อย่างพวกเอกสารสัญญาอะไรทำนองนั้น สาเหตุหลักคงเป็นเพราะเราฝึกจากการฟังและพูดเป็นหลักเลยมีปัญหาด้านการเขียนอีกทั้งคันจิที่เราจำได้ยังมีขอบเขตที่ค่อนข้างแคบและไม่กว้างพอซึ่งจุดนี้เราก็กำลังพยายามฝึกอยู่ทุกวันหลังเลิกงานหรือตอนที่มีเวลาว่าง

เอาจริง ๆ ใจเราก็อยากลาออกจากงานแล้วไปลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษกับญี่ปุ่นให้เป็นเรื่องเป็นราวแหละนะ แต่ก็แบบเรายังคงเกรงใจหัวหน้ากับพี่ ๆ ในทีมอยู่พอสมควรถ้าอยู่ ๆ เราหายไปแบบกระทันหันก็จะเป็นการสร้างภาระให้พวกเขาค่อนข้างมากเพราะปริมาณงานที่เราถืออยู่ อีกทั้งแต่ละคนเองก็ค่อนข้างแน่นจนขยับตัวลำบากกันอยู่เป็นทุนเดิมแล้วด้วย ประกอบกับในช่วงสองปีที่ผ่านมาทั้งหัวหน้าเราทั้งพี่ในทีมเองก็ดูแลเอาใจใส่เราเป็นอย่างดีพอคิดไปคิดมาก็เลยแบบไม่อยากไปสร้างภาระให้เขามากเกินไป สุดท้ายก็จบลงด้วยการตัดสินใจจะอยู่ต่อจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาแหละนะ ถึงกระนั้นเราก็บอกหัวหน้ากับผอ.ฝ่ายไปเรื่องเราได้ที่เรียนกับความตั้งใจว่าจะอยู่ถึงเมื่อไหร่ไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภา คาดว่าตอนนี้คงกำลังหาคนมาแทนเราอยู่กระมัง

แต่เอาจริง ๆ การเรียนต่อนี่ก็ใช้เงินเยอะอยู่เหมือนกันนะ เราต้องเก็บเงินอยู่ตั้งสามปีกว่าจะได้ไปเรียน

ที่ต้องเก็บเงินถึงสามปีเพราะเราตั้งใจว่าจะไปเรียนด้วยเงินตัวเอง จะไม่ขอเงินจากที่บ้านแล้วก็จะไม่รับทุนที่มีข้อผูกมัดว่าต้องกลับมาทำงานที่ประเทศนี้หลังจบการศึกษา ก็นะมันมีโอกาสได้หนีออกไปทั้งทีทำไมต้องไปสร้างข้อผูกมัดว่าตัวเองต้องกลับมาด้วยล่ะบ้าหรือเปล่า (ฮา) ถ้าเลือกได้ก็คงจะไม่กลับมาแหละนะ แต่ถ้าถามว่าจะอยู่ญี่ปุ่นตลอดไปเลยหรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เราอาจจะอยู๋ญี่ปุ่นช่วงเวลาหนึ่งแล้วก็ไปอยู่ต่อที่ประเทศที่สาม สี่ ห้า หก ก็ได้

แต่นั่นมันก็คือเรื่องของอนาคตอย่าเพิ่งไปคิดให้ปวดหัวเลยดีกว่า สำหรับเราตอนนี้ก็คงได้แต่โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไปก่อนเท่านั้น

จริง ๆ แล้ว point ของ Blog นี้ก็คือการเขียนบอกว่าเราได้ที่เรียนแล้วแหละ หลังจากนี้ก็คงมีเรื่องวุ่นวายตามมาอย่างการเตรียมเอกสารเพื่อขอ COE แล้วเอา COE ไปขอ VISA นักเรียนอีกที ไหนจะเรื่องค่าแรกเข้ากับค่าเทอมของเทอมแรกอีก

ซึ่งตอนนี้เราก็จ่ายค่าแรกเข้าไปแล้ว เหลือขอเอกสาร COE กับจ่ายค่าเทอมแล้วก็เอาเอกสาร COE ที่มหาลัยเป็นตัวแทนยื่นให้ไปขอ VISA อีกทอดหนึ่ง ถัดจากนั้นก็จะเป็นเรื่องหาห้องเช่ากับตัวเครื่องบินล่ะนะ