บทความ

Amazon for Chance มาสั่งกาแฟด้วยภาษามือกันเถอะ

จริง ๆ เรื่องนี้เราตั้งใจว่าจะเขียนเรื่อง Amazon for Chance มาสักพักแล้วล่ะ (อีกแล้ว) แต่ก็ลืมทุกที จนถึงเมื่อครู่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้

เรื่องมันเริ่มมาจากที่ออฟฟิศเราได้มีการจัดสรรสัมปทาน (เรียกแบบนี้ถูกป่าวหว่า ?) พื้นที่บริเวณชั้นล่างใหม่จากเดิมที่เคยเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ Bellinee’s ซึ่งราคาค่อนสูงไปเล็กน้อยสำหรับเรา เป็นร้าน Café Amazon ที่นายทุนเป็นเจ้าของ

ซึ่งขอยอมรับเลยว่าเราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักในช่วงแรก ๆ กับการเปลี่ยนแปลงร้านกาแฟ เพราะไม่ว่าจะเป็น Bellinee’s หรือ Café Amazon ก็ไม่ใช่ร้านที่หาทานยากแต่อย่างใดเรียกว่าเป็นร้านเฟรนไชน์ที่ค่อนข้างพบเห็นได้ทั่วไปทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด แต่พอเมื่อทาง Café Amazon เข้ามา set up ร้านและเริ่มดำเนินกิจการจริง ๆ เรากลับพบว่ามันค่อนข้างต่างออกไปจาก Café Amazon ที่เราคุ้นเคยเพราะร้านที่มาตั้งแทน Bellinee’s ไม่ใช่ Café Amazon ทั่วไปที่เรามักจะเห้นตามปั๊มน้ำมัน แต่เป็น Café Amazon for Chance

Café Amazon for Chance คือร้านกาแฟของ Amazon นั่นแหละ แต่จะต่างกันตรงที่พนักงานในร้านรวมไปจนถึงบาริสต้าที่จะมาทำกาแฟให้เราเป็นผู้พิการทางการได้ยินแน่นอนว่าเมื่อพนักงานที่มารับออร์เดอไปจนถึงบาริสต้าไม่สามารถได้ยินเสียงของเราได้ดังนั้นขั้นตอนการสั่งเครื่องดื่มทั้งหมดจะต้องทำด้วยภาษามือทั้งสิ้น

สารภาพว่าตอนแรก ๆ ที่ต้องไปสั่งกาแฟด้วยภาษามือก็ออกจะทุลักทุเลบ้าง ทั้งความเขิน ทั้งความไม่ชิน และยังจำภาษามือได้ไม่แม่นนักกว่าจะสั่งได้แต่ละแก้วก็ใช้เวลาพอสมควร แต่เมื่อเราทำบ่อยขึ้น ๆ มันก็เริ่มชินมือไปเอง จนเดี๋ยวนี้เราสามารถสั่งเมนูประจำสามสี่เมนูได้อย่างคล่องแคล่ว (ฮา)

แน่นอนว่าในแต่ละสาขาเองก็มีพนักงานที่ปกติที่ไม่ได้เป็นผู้พิการทางการได้ยินอยู่เหมือนกันเพื่อคอยอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในกรณีที่ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือ

คือที่ยกเรื่องนี้มาเขียนก็ไม่ใช่อะไร คือเราเห็นว่ามันดูน่ารักแปลกตาดี เพราะเราไม่ค่อยได้เจอร้านกาแฟเบเกอรี่ที่มีพนักงานประจำเป็นผู้พิการมากนักในประเทศไทย อีกทั้งรสชาติเองก็ออกมาค่อนข้างดีสำหรับสาขานี้ ที่ต้องบอกว่าสำหรับสาขานี้เพราะเราได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าแบรนด์นี้รสมือแต่ละที่อาจจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับบาริสต้าของสาขานั้น ๆ

สำหรับบล็อกนี้ก็คงมีเท่านี้แหละ ตอนนี้เราก็กำลังรอลุ้นผลสัมภาษณ์จากมหาลัยอยู่ ถึงแม้จะเพิ่งผ่านมาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ แต่เรากลับรู้สึกเหมือนว่ามันผ่านมาแล้วครึ่งเดือน (ฮา)

การรอคอยนี่มันช่างทรมานจริง ๆ