บทความ

PASSIVE DEATH WISH

บางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Passive Death Wish มาก่อน บางคนอาจจะไม่เคยได้ยิน หรือบางคนอาจจะกำลังเป็นอยู่

บล็อกนี้เราจะมาคุยเรื่องนี้กันครับ

สาเหตุที่อยู่ ๆ เราหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนก็ไม่ใช่อะไร แค่เรารู้สึกว่าช่วงนี้เรามีอาการแบบนี้บ่อยขึ้น เลยอยากจะมาบันทึกเอาไว้ และอยากจะลองแชร์ให้ใครหลาย ๆ คนด้วย จะได้สังเกตอาการตัวเองว่าเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม

เอาจริงคือเรากด create content นี้ไว้ตอนที่อาการออกพอดี แต่กว่าจะมาเรียบเรียงออกมาให้คนอ่านรู้เรื่องได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร (ฮา) ตอนนี้เรากำลังเขียนอยู่นี่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะนั้นแล้ว

เอาล่ะ มาเริ่มจากอะไรคือ Passive Death Wish กันก่อนดีกว่า

Passive Death Wish หรืออีกชื่อคือ Passive Suicidal Ideation เป็นกลุ่มอาการที่ใช้นิยามคนที่รู้สึกว่าต้องการที่จะตายแต่ก็ไม่ได้มีแรงจูงใจที่ถึงขนาดทำให้ต้องฆ่าตัวตาย ประมาณว่า ให้อยู่ต่อก็ได้แหละแต่ถ้าตายได้จะดีกว่า

อ้างอิงจากตัวเองเองในตอนที่อยู่ในสภาวะ Passive Death Wish บ่อยครั้งที่เราจะเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

  • เราอยู่ตรงนี้ทำไมนะ ?
  • ทำไมเราถึงยังคงอยู่ที่นี่ หนีไปไม่ดีกว่า หนีไปให้ไกล ไปในที่ ๆ ไม่มีใครรู้จักเรา ทำไมเราถึงไม่หนีไป ?
  • อยากหายไป อยากหายไปจากตรงนี้ อยากหายไปจากโลกนี้ เราเหนื่อย เราท้อ พอแล้วเราไม่อยากพยายามต่อแล้ว ให้เราหายไปได้หรือยัง ?
  • เราเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่นะ ความหมายที่เรายังคงมีชีวิตอยู่คืออะไร ?
  • ถ้าเราหายไปจะไม่ดีกว่าเหรอ ?
  • ถ้าเราหายไปบางทีอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากกว่าหรือเปล่านะ ?
  • การคงอยู่ของเรามีแต่จะสร้างปัญหาให้คนอื่นหรือเปล่า ไม่มีคุณประโยชน์ใดที่เราจะมีชีวิตอยู่ต่อ แล้วเราจะอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไรนะ​ ?

สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างคำถามที่มักจะเกิดขึ้นในตอนที่เราอยู่ในสภาวะ Passive Death Wish

ในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ย้อนแย้งกันเองภายในหัวเรา

ความรู้สึกหนึ่งก็บอกว่าเราควรที่จะตายได้แล้ว แต่ในขณะที่อีกความรู้สึกก็บอกว่าเราไม่ได้อยากตายเราแค่อยากหายไป อาจจะเป็นการหนีไปยังที่ไกลแสนไกล การหรือการเลือนหายออกไปจากความทรงจำ มีชีวิตอยู่ก็หมือนไม่มี ยืนอยู่ตรงนั้นแต่น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็น อยากจืดจางลงกว่านี้จนไม่ต้องได้รับความสนใจจากใคร

สำหรับเราที่เคยคิดจะฆ่าตัวตาย (แบบจริง ๆ) อาการ Passive Death Wish ถือว่าทรมานกว่า มันเป็นภาวะที่สับสนในตัวเอง บางครั้งก็อยากตาย แต่ก็ไม่อยากลงมือฆ่าตัวตาย หรือบางทีแค่อยากหายไป ไม่ได้อยากจะตาย

แต่สุดท้ายปลายทางของมันก็มุ่งมาสู่จุดหมายเดียวกันคืออยากจะออกไปจากจุดที่กำลังอยู่ ณ ตรงนี้

ซึ่ง ‘ตรงนี้’ ที่ว่ามันก็ไม่ใช่อะไรที่จะนิยามได้ชัด ๆ มันเป็นสิ่งที่คนเข้าใจก็จะเข้าใจได้เอง

ถ้าจะให้นิยามคำว่า ‘ตรงนี้’ ของเรา ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คงจะประมาณว่า ‘สถานที่ ๆ เราถูกจำกัดในสิทธิ์และเสรีภาพในทางความคิดและการแสดงออก’

เราไม่อยากอยู่ในสถานที่ ๆ เราต้องคิดตามคนอื่น สถานที่ ๆ เราไม่สามารถพูดหรือแบ่งปันในสิ่งที่เราคิดได้เพียงเพราะคนอื่นบอกว่าไม่ดี ไร้สาระหรือไร้เดียงสา

เราไม่อยากอยู่ในสถานที่ ๆ พร่ำสอนให้เราคิดนอกกรอบแต่พอเราคิดนอกกรอบก็ถูกสวนกลับมาว่าเรายังเด็กเกินไปเราไม่รู้จักโลกดีพอ ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นจะพิสูจน์ว่าเราคิดถูกอยู่เสมอมาแต่เรากลับไม่ได้รับการยอมรับหรือมีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ เพียงเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้เราทำแบบนั้น

เราไม่อยากอยู่ในที่ ๆ เราต้องขออนุญาติทุกครั้งเวลาจะทำอะไรหรือไปไหน หรือถูกตามตัวตลอดเวลาทั้ง ๆ ที่เราบอกล่วงหน้าไปแล้วว่าเราไปไหนหรือกำลังทำอะไร

เราไม่อยากอยู่ในสถานที่ ๆ เราเคยเรียกว่า ‘บ้าน’ แต่แท้จริงแล้วมันคือ ‘คุก’ ในรูปของบ้าน

เราอยากไปในที่ ๆ คนเหล่านั้นจะหาเราไม่เจอ หรือไม่สามารถเอื้อมมือมาถึงเราได้

เราแค่อยากได้อิสรภาพอย่างแท้จริงที่อย่างน้อยเราก็สามารถเลือกได้ว่าเราเราจะซื้อคอนโดชั้นไหน หรือเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่เราชอบ ไม่ใช่เขาชอบ

เอาจริงๆ มันก็เป็นอะที่อธิบายค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้น่ากลัวเท่าการฆ่าตัวตาย แต่เรารู้สึกว่าอาการแบบนี้ถ้ามันสั่งสมจนไปถึงจุด ๆ หนึ่ง มันก็สามารถนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้เช่นกัน

ถ้าถามว่าเราเคยคิดจะไปหาหมอมั้ย เราเคยคิดนะ

เราเป็นคนที่มีความเชื่อว่าการไปหาจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเป็นตราบาป

เรามองว่าอารมณ์หรือความรู้สึกมันก็ป่วยได้เหมือนกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ และเมื่อมันป่วยเราก็ควรที่จะพามันไปรักษา

กล่าวตามตรงเราเองก็เคยไปโรงพยาบาลเพื่อขอพบจิตแพทย์มาแล้วแต่เราไม่มีโอกาสได้พบหมอ (ฮา) และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปอีกเลยด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้มันคาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้

เดี๋ยวไว้คราวหน้าเราค่อยหาโอกาสมาเล่าเรื่องการไปหาจิตแพทย์แต่ไม่พบแพทย์ให้ฟังละกัน มันเป็นอะไรที่สุดมาก ๆ สำหรับเราตอนนั้นเลย เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการคุมอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ

สำหรับบล็อกนี้คงมีเท่านี้แหละ ยิ่งเขียนไปเรื่อย ๆ เรายิ่งเริ่มรู้สึกว่ามันกำลังจะกลายเป็นสมุดบันทึกส่วนตัวของเราไปแล้ว

เอ๊ะ !? หรือว่า จริง ๆ แล้วเว็บบล็อกมันก็คือสมุดบันทึกส่วนตัวของเจ้าของเว็บอยู่แล้วกันนะ

ช่างเถอะ แล้วไว้พบกันใหม่บล็อกหน้า

For more information about PASSIVE DEATH WISH

https://thriveglobal.com/stories/the-sad-truth-about-passive-suicidal-ideation-and-actions/

https://www.healthline.com/health/suicidal-ideation#symptoms